ประกาศ !!! คนไทยไปญี่ปุ่นไม่ต้องขอวีซ่าแล้วจ้า สนใจไปเที่ยวเอง มีบริการรับจองห้องพักที่ญี่ปุ่น ราคาพิเศษ ติดต่อได้ที่ 02-392-9220 |
|||
|
Hi...Sapporo 5D3N
ทะเลสาบโทยะ - ภูเขาไฟโชวะหมีสีน้ำตาล - หมู่บ้านไอนุหุบเขาจิโกกุดานิ - โนโบริเบทสึ โอตารุ - ซัปโปโร |
||
โปรแกรมทัวร์ |
รายละเอียด
LVV04: หลวงพระบาง-วังเวียง-เวียงจันทน์ 4 วัน โดยสายการบินลาวแอร์ไลน์(QV)
เชิญผู้มีเกียรติ สัมผัสบ้านพี่เมืองน้อง มรดกโลกหลวงพระบาง อดีตเมืองหลวงเก่า ซึ่งเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม ที่ยังคงรักษา ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ชมวัดเชียงทอง ชมพระราชวังเก่าซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ชมพระธาตุแตงโม นมัสการพระธาตุพูสี และล่องเรือแม่น้ำโขงชมถ้ำติ่ง ชมน้ำตกตาดกวางซี ชมและเลือกซื้อหัตถกรรมผ้าทอมือพื้นเมืองของชาวไตลื้อที่บ้านผานม เที่ยวนครหลวงเวียงจันทน์ เมืองหลวง สปป.ลาว สัมผัสเมืองวังเวียง กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว และอื่นๆ อีกมากมาย เที่ยวสบายๆ อาหารอร่อย
กำหนดการเดินทาง 7-10, 21-24 พ.ย./5-8, 7-10, 26-29 ธ.ค.56 ท่านละ 19,900 บาท
วันแรก กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง-วัดใหม่สุวันพูมา-พิพิธภัณฑ์(พระราชวังเก่า)
วัดวิชุนราช-พระธาตุหมากโม-พระธาตุพูสี-ตลาดไนท์พลาซา
07.30 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกต่างประเทศชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 8 เคาน์เตอร์ R แถว R1-3 สายการบินลาว(QV) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยต้อนรับ
10.25 น. เหินฟ้าสู่เมืองหลวงพระบาง โดยสายการบินลาว เที่ยวบินที่ QV634
12.05 น. ถึงสนามบินหลวงพระบาง อดีตราชธานีของอาณาจักรล้านช้าง เดิมชื่อ “ศรีสัตนาคนหุตมะราชธานี” เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยพระเจ้าฟ้างุ้ม ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง แล้วนำท่านรับประทานอาหารกลางวันร้าน...... หลังอาหารเข้าที่พักโรงแรมคำเพ็ด / โรงแรมวังไผ่คำ / โรงแรมชันเว / โรงแรมบัวหลวง(3 ดาว) หรือเทียบเท่า
14.30 น. นำชมวัดใหม่สุวันพูมาราม (Mai Suwannaphumaram Temple) ซึ่งอยู่ถนนศรีสว่างวงศ์ติดกับพระราชวังหลวง สร้างในสมัยพระเจ้าอนุรุท ในปี พ.ศ.2337 หรือชื่อสั้นๆว่า วัดใหม่ วัดนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน นับเป็นสังฆราชองค์สุดท้ายของลาว มีอุโบสถที่สวยงามด้วยศิลปะแบบอูบมุง และปัจจุบันใช้เป็นโรงเรียนปริยัติธรรม แล้วชมพิพิธภัณฑ์ อดีตเป็นพระราชวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตลาว สร้างปี ค.ศ.1904(พ.ศ.2447) โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบ ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เมือปี ค.ศ.1975 (พ.ศ.2519) มีหอที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร สูง 1.14 เมตร หนัก 54 กิโลกรัม กล่าวกันว่าทำด้วยทองคำ 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางและของชาวลาว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองหลวงพระบาง เดิมเมืองนี้ชื่อเมืองขวา แล้วเปลี่ยนมาเป็น เชียงดง เชียงทอง ตามลำดับ แล้วนำชมวัดวิชุนราช (Visounnarath Temple) สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิชุนราช ในปี พ.ศ.2046 สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเวียงคำ มีเจดีย์ปทุมหรือพระธาตุดอกบัวใหญ่ วัดนี้มีพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่รูปทรงคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง ทำให้ชาวลาวเรียกกันว่า พระธาตุหมากโม เป็นทรงโอคว่ำ ยอดพระธาตุลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูปแบบลังกาหรือสุโขทัย เจดีย์นี้อาจดูทรุดโทรมมากแม้จะมีการปฏิสังขรณ์มา 2 ครั้งแล้วในปี พ.ศ.2402 ในสมัยพระเจ้าสักกรินทร์(คำสุก) ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ได้โปรดให้มีการบูรณะใหม่และได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.2457 ในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ได้ค้นพบโบราณวัตถุมีค่ามากมาย เช่น เจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปหล่อสำริด พระพุทธรูปทองคำ ปัจจุบันนำไปเก็บไว้ในหอพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ในพระราชวังหลวงจนปัจจุบัน จากนั้นนำท่านไปสักการะพระธาตุพูสี ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 150 เมตร ใจกลางเมืองหลวงพระบาง ใครก็ตามที่มาเยือนหลวงพระบางจะต้องขึ้นไปบูชาพระธาตุ ถ้าไม่ได้ขึ้นไปบูชาก็เหมือนมาไม่ถึงหลวงพระบาง สองข้างทางขึ้นพระธาตุร่มรื่นและหอมอบอวลไปด้วยดงดอกจำปาลาวหลากสีสัน มองจากยอดพูสีคือภาพพานอรามาของราชธานีเก่าแก่ริมแม่น้ำโขง ล้อมรอบด้วยทิวเขาสลับซับซ้อนสมกับนามว่า บ้านผา เมืองภูอูอารยะธรรมล้านช้าง ชมพระอาทิตย์อัสดงและตัวเมืองหลวงพระบางในมุมสูง ซึ่งเบื้องล่างจะมองเห็นพิพิธภัณฑ์ โดยมีแม่น้ำโขงเป็นฉากหลัง และอีกด้านหนึ่งจะเห็นน้ำคานที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง แล้วช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองที่ตลาดไนท์พลาซา(Night Market) เป็นถนนคนเดินตอนเย็นตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็นถึงประมาณ 4 ทุ่ม ก็จะมีชาวลาวสูง ลาวเทิง ลาวม้ง ชาวบ้านผานม แม้นแต่ชาวหลวงพระบางเองก็จะนำสินค้าพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นผ้าปัก ผ้าทอมือ ผ้านุ่ง ผ้าซิ่น เครื่องเงิน เครื่องไม้ สินค้ามากมายถูกวางอยู่บนถนนและริมทางเดินตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดหัวถนน อิสระตามอัธยาศัย
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำร้าน....... หลังอาหารอิสระตามอัธยาศัย
วันที่สอง ตักบาตรข้าวเหนียว-ตลาดเช้า-วัดเชียงทอง-บ้านช่างไห-ล่องเรือแม่น้ำโขง
ถ้ำติ่ง-ปากอู-บ้านผานม-น้ำตกตาดกวางซี
05.30 น. ตื่นแต่เช้าร่วมทำบุญใส่บาตรกับชาวเมืองหลวงในวัฒนธรรมของชาวพุทธแบบดั้งเดิม ทุกเช้า ชาวหลวงพระบางทุกบ้านจะพากันออกมานั่งรอตักบาตรพระสงฆ์ ที่เรียงแถวเดินมาตามถนนเป็นร้อยๆ รูป เป็นภาพยามเช้าที่มีชีวิตชีวา ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตของสังคมอันสงบสุข ความเลื่อมใสศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนาที่หยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมชาวล้านช้าง นับว่าเป็นภาพที่หาดูได้ไม่ง่ายนัก จากนั้นไปชมตลาดเช้าพื้นบ้านริมฝั่งแม่น้ำโขง
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.00 น. ชมวัดเชียงทอง ซึ่งเป็นวัดหลวงคู่เมืองหลวงพระบาง โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้โปรดให้สร้างขึ้น และได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้าชีวิตศรีสว่างวงศ์วัฒนามากเป็นพิเศษ บริเวณที่ตั้งของวัดอยู่ตอนหัวโค้งของแผ่นดินที่แม่น้ำคานมาบรรจบกันกับแม่น้ำโขง เป็นศูนย์ศิลปกรรมล้านช้าง ความงามของวัดอยู่ที่ความสงบ สง่า สะอาด มีการวางผังออกแบบ และบำรุงรักษาอย่างดีเยี่ยม ชมสิมหรือโบสถ์ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของศิลปสกุลช่างล้านช้าง จากนั้นเดินทางสู่บ้านช่างไห สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขง มีอาชีพในการหมักสาโทและต้มเหล้าโรงจำหน่าย และยังเป็นแหล่งรวมสินค้าพื้นเมืองจำพวกผ้าทอลวดลายสวยงามมากมายวางจำหน่าย แล้วนำท่านลงเรือล่องน้ำโขงสู่ถ้ำติ่ง ชมวิวทิวทัศน์และวิถีชีวิตสองฝั่งแม่น้ำโขง ถึงถ้ำติ่งซึ่งเป็นถ้ำอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำโขง เดิมเคยมีพระพุทธรูปทอง เงิน นาก ปัจจุบันเหลือแต่พระพุทธรูปไม้จำนวนนับพันองค์ ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันร้าน.......
บ่าย ออกเดินทางไปบ้านผานม หมู่บ้านทอผ้าด้วยมือของชาวไทลื้อที่อพยพมาจากสิบสองปันนา ที่มีฝีมือในการทอผ้าสวยงามเลือกซื้ออิสระ จากนั้นเดินทางสู่น้ำตกตาดกวางซี ระหว่างทางผ่านหมู่บ้านชนบทชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ถึงน้ำตกตาดกวางสี ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในเขตหลวงพระบาง ชมความงามของน้ำตกที่ลดหลั่นเป็นชั้นๆ อย่างสวยงาม แต่ละชั้นเกิดจากการสะสมของหินปูนที่ไหลปะปนมากับน้ำ พร้อมกับชมความร่มรื่นเขียวชอุ่มรอบๆ บริเวณ ได้เวลาสมควรเดินทางกลับ
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำร้าน..... หลังอาหารพักผ่อนอิสระ หรือจะชมแสง เสียง ยามราตรี ตามอัธยาศัย
พักโรงแรมคำเพ็ด / โรงแรมวังไผ่คำ / โรงแรมชันเว / โรงแรมบัวหลวง(3 ดาว) หรือเทียบเท่า
วันที่สาม หลวงพระบาง-เชียงเงิน-กิ่วกะจำ-พูคูน-กาสี-ผาตั้ง-เมืองวังเวียง-ถ้ำจัง
ช้อปปิ้งถนนคนเดิน
07.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
08.00 น. อำลาเมืองหลวงพระบาง เดินทางสู่เมืองวังเวียง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง) ตามเส้นทางหมายเลข 13 ใต้ วังเวียงเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยสดงดงาม อากาศเย็นสบาย ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำซอง ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง มองเห็นสายน้ำกว้างสลับกับเนินทราย โดยมีเทือกเขาหินปูนเป็นฉากหลัง วังเวียงได้ฉายาว่า “กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว” จริงเท็จแค่ไหน ต้องไปพิสูจน์กัน รถวิ่งไต่เขาบนถนนลอยฟ้าที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,800 เมตร เส้นทางคดโค้ง ลัดเลาไปตามไหล่เขา สองข้างทางมีหมู่บ้านชาวเขาปลูกอยู่ริมถนนเป็นระยะ ท่านจะเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามตระกานตาของทิวเขา ไร่นาแบบขั้นได และหมู่บ้านชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ ของลาว เช่น ลาวสูง ลาวเทิง ลาวม้ง ไทลือ ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่สองข้างทาง ชมความยิ่งใหญ่ของขุนเขาที่เต็มไปด้วยไม้ป่านานาพันธุ์ที่ขึ้นตามธรรมชาติ ระหว่างทางผ่าน ภูเบี้ย ศาลาพูคูณ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดและแบ่งเขต 3 แขวง คือ แขวงหลวงพระบาง แขวงเชียงขวาง แขวงเวียงจันทน์
11.30 น. รับประทานอาหารกลางวันร้านพูคูนเพียงฟ้า ซึ่งสมารถชมวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ 360 องศา
หลังอาหารเดินทางต่อ ผ่านภูพระเข้า เมืองกาสี บ้านผาตั้งและเมืองวังเวียง
15.30 น. ถึงเมืองวังเวียง “กุ้ยหลินเมืองลาว” แล้วนำชมถ้ำจัง ซึ่งเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย และพระพุทธรูปอยู่ภายในถ้ำ ชมวิวทิวทัศน์บนถ้ำ จะมองตัวเมืองวังเวียงอย่างชัดเชน เชิญถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก จากนั้นเข้าที่พักโรงแรมสะหวันวังเวียง/ โรงแรมพูอ่างคำเรซิเด้นท์ หรือเทียบเท่า แล้วรับประทานอาหารค่ำที่ร้าน.... หลังอาหารสัมผัสวิถีชีวิตชาวเมืองวังเวียงและช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองที่ถนนย่านกลางเมืองตามอัธยาศัย
วันที่สี่ วังเวียง-บ้านท่าเรือ-เมืองโพนโฮง-หอพระแก้ว-วัดสีสะเกด-ช้อปปิ้งตลาดเช้าพระธาตุหลวง-อนุสาวรีย์ประตูชัย-เวียงจันทน์-กรุงเทพฯ
06.30 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
07.30 น. อำลาเมืองวังเวียงเดินทางกลับเวียงจันทน์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
11.30 น. ถึงนครหลวงเวียงจันทน์ รับประทานอาหารกลางวันร้าน.........
12.30 น. นำชมหอพระแก้ว ที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นหอพิพิธภัณฑ์รวบรวมศิลปะโบราณ วัตถุล้ำค่า ชมวัดสีสะเกด วัดที่มีภูมิสถาปัตยกรรมงดงามมากแห่งหนึ่งของลาว ชมหอไตรหรือหอธรรมที่มีรูปทรงคล้ายมณฑปมีหลังคาหลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆ ตามศิลปะสกุลช่างล้านช้าง จากนั้นไปสักการะพระธาตุหลวง เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของลาว แล้วชมอนุสาวรีย์ประตูชัย เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะล้านช้างกับฝรั่งเศสเข้าด้วยกันอย่างงดงามและกลมกลืน ได้เวลาสมควรเดินทางไปสนามบิน
18.35 น. เหินฟ้ากลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินลาว เที่ยวบินที่ QV445
19.40 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ
***หลวงพระบาง-วังเวียง-เวียงจันทน์4วัน(QV/)***
อัตราค่าบริการ สำหรับกรุ๊ป 16-20 ท่าน (มีหัวหน้าทัวร์ไทย)
กำหนดการเดินทาง |
ผู้ใหญ่ พักห้องละ 2-3 ท่าน |
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีพักรวมกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน(ไม่มีเตียง) |
พักเดี่ยว เพิ่มท่านละ |
7-10, 21-24 พ.ย. 5-8, 7-10, 26-29 ธ.ค.56 |
19,900.- |
17,900.- |
2,800.- |
อัตรานี้รวม ตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-หลวงพระบาง-เวียงจันทน์-กรุงเทพฯ และภาษีสนามบิน / ที่พัก 3 คืน(ห้อง
ละ 2 ท่าน)/ธรรมเนียมบัตรเข้าชมสถานที่/ อาหารตามระบุในรายการ / รถท่องเที่ยว / ล่องเรือน้ำโขง / ไกด์ท้องถิ่น / ประกันการเดินทางและรักษาพยาบาลในวงเงินท่านละ 1,000/500,000 บาท(เงื่อนไขตามกรมธรรม์) / บริการน้ำดื่มและผ้าเย็น
อัตรานี้ไม่รวม อาหารและเครื่องดื่มนอกเหนือรายการ / ใช้จ่ายส่วนตัวทุกชนิด / ข้าวเหนียวตักบาตร /ทิปไกด์
และพนักงานขับรถ / ธรรมเนียมวีซ่าสำหรับผู้เดินทางชาวต่างชาติและผู้ถือเอกสารต่างด้าว /
ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3% / และอื่นๆ ที่มิได้ระบุในรายการ
เอกสารที่ใช้ พาสปอร์ต ที่มีอายุใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า
หมายเหตุ : โปรแกรมการเดินทางข้างต้น อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์
ในการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยยึดถือและคำนึงถึงประโยชน์ท่านเป็นสำคัญ
ขอบคุณที่อุดหนุน